I totally agreed with the person in this topic.
About the “white ribbon”, nothing more than the old screwing PAD that try to make them self look better.
Only dump that think they are a individual group.
ref: ทำไมพันธมิตรถึงดีดดิ้น กับริบบิ้นสีขาว ?, ความเห็นส่วนตัวกรณี “ริบบิ้นขาว”
อาจจะช้าล่าเกิน คนส่วนใหญ่คงคุยกันไปหมดแล้ว แต่ผมอยากรอดูกระแสนิดหนึ่งก่อนตั้งกระทู้นี้ เพื่อเช็คสมมติฐาน
หลายๆคนคงแปลกใจว่า ทำไมโครงการ “ริบบิ้นขาว” ของ อ.ปริญญา และคุณโคทม ลงท้ายถึงออกมา “ซ้ายด่า – ขวาตี – แต่คนส่วนใหญ่ตอบรับ”
ฝ่ายโปรรัฐบาล ก็มองว่า เป็นซับมิชชั่นของฝ่ายพันธมิตรเอง ที่หาทางลง หลังจากม๊อบเริ่มเหี่ยว ยิ่งสอบย้อนไปแล้ว เหล่าแกนนำและแกนตามของโครงการนี้ ล้วนเคยมีค่าทีไม่เป็นคุณกับรัฐบาลและระบอบทักษิณ ยิ่งน่าสงสัย
แต่เช่นนั้น ทำไมฝ่ายพันธมิตรถึงเป็นเดือดเป็นแค้นกับโครงการริบบิ้นขาวพราวสวาทกันขนาดหนัก ชนิดที่ว่า คอลัมนิสเกือบทั้งผู้จัดการต้องดาหน้ากันออกมาด่า ปริญญาและโคทม แบบไม่ต้องผุดต้องเกิดกันเลยทีเดียว (ต.ย. – คำอภิปรายของภูวดล และบทความของสุรวิชช์)
จากการหาข่าว (ผมคงหาได้จากการพูดคุยกับเพื่อนฝูงญาติมิตรเท่านั้น) ผมก็คิดว่าได้พบเหตุผลของมัน
จะยอมรับกันตรงๆ หรือแอบยอมรับในใจก็ได้ ทุกฝ่ายคงเห็นว่า ม๊อบพันธมิตร 51 ยัง “จุดไม่ติด” ถ้าเทียบกับพันธมิตร 49
แน่นอน คนที่ไปชุมนุมด้วยใจก็มี ผมยอมรับในส่วนนี้ มันมีกลุ่มที่เกลียดระบอบทักษิณแล้วชอบแสดงพลัง คนที่เกลียดทักษิณลงตับชนิดที่ว่าให้จัดม๊อบกันบนยอดภูเขาทองหรือใต้แม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะตามไปไล่ (มุกนี้เล่นซ้ำ)
แต่ต้องยอมรับว่า ผู้เข้าร่วมชุมนุมส่วนหนึ่ง คือมวลชนจัดตั้ง ที่มาจากกองกำลังของฝ่ายพันธมิตรเอง เช่นกลุ่มญาติธรรมทั้งหลาย รวมทั้งกองกำลังป้องกันตนเองต่างๆ
คนกรุงเทพฯ ชั้นกลาง คนทำงาน มนุษย์เงินเดือน นักธุรกิจส่วนตัว ที่เคยเป็นกำลังสำคัญ “พันธมิตร 49” ยังตอบรับค่อนข้างน้อย
คนกลุ่มนี้นั่นแหละ ที่ถ้าเทให้ใครเมื่อไร อีกฝ่ายพังเมื่อนั้น ตอนที่ทักษิณพังไปในคราวนั้น ก็เพราะคนชั้นกลางเทให้ “พันธมิตร 49” จนทักษิณอยู่ไม่ได้
แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้ว
เพราะฝ่ายพันธมิตร เร่งเกมเร็วเกินไป ประกาศ “การต่อสู้ครั้งสุดท้าย” ข้อกล่าวหาที่ยังไม่จัดว่า “สุกงอม” และที่ “สุก” พอที่จะ”เด็ด”ได้บ้างเช่นการแก้รัฐธรรมนูญ รัฐบาลก็สอยไปเก็บเสียแล้ว พันธมิตรจึงต้องเบนเป้าไปไล่รัฐบาล ซึ่งตอนนี้ ต่อให้รัฐบาลขี้เหร่อย่างไร แต่ก็คงไม่มีใครอยากได้รัฐบาลใหม่ที่ยังมองอนาคตไม่เห็น (นอกจากแฟนพันธุ์แท้พรรคประชาธิปัตย์)
ส่วนสมาชิกเก่าๆ ของพันธมิตร 49 ก็เข้าร่วมกับพันธมิตร 51 กันมาก ช่วงก่อน 25 พ.ค. แต่หลังจากความรุนแรงเกิดขึ้น คนกลุ่มนี้ก็เริ่มหวาดกลัวและเริ่มคร้าน พวกที่ยังมีแรงอยู่ เจอท่าทีของจำลองบ้าง ของกลุ่ม”กองกำลังศรีวิชัย” หรือ “ญาติธรรมสันติอโศก” ก็เริ่มรู้สึกว่า “พันธมิตร 51” ไม่ใช่ที่ของพวกเขา
จากที่ได้ข้อมูลมา การชุมนุมของพันธมิตร 49 ค่อนข้างอบอุ่น เป็นมิตร หัวอกเดียวกัน มีอารมณ์ร่วมและค่อนข้าง “สนุก” แบบ “ร้อนแรง” แต่อย่างไรก็ตาม บรรยากาศดูเป็น “ม๊อบปัญญาชน” มากกว่า
แต่พันธมิตร 51 บรรยากาศเคร่งเครียดกว่า ผู้คนดูไม่คุ้นหน้า มีแต่คนที่ดูน่ากลัว เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และหวาดระแวง มีคนเล่าให้ผมฟังว่า ถึงเป็นพวกพันธมิตร แต่ถ้าสนุกกับการถ่ายภาพจนเกินงาม (ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทำอยู่ตลอดสมัยพันธมิตร 49) ก็ถูกจับตาและเรียกสอบถามด้วยท่าทีที่คุกคาม
สรุปว่า กลุ่มเป้าหมายเริ่มหนีไปเกือบหมด และยิ่งหลังท่าทีของรัฐบาลในวันเสาร์ ปัญหาการจราจรที่คนส่วนใหญ่เริ่มด่า และปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลมาจากการชุมนุมของพันธมิตร กลุ่มเป้าหมายที่เริ่มหายไปก็ชักจะหันหลังกลับมาด่าแล้ว
ฝ่ายพันธมิตรที่ประเมินแบบไม่เข้าข้างตัวเอง คงเริ่มรู้สึกได้แล้วว่า ถ้าไม่ทำอะไรต่อไป เจอยูโร 2008 ปลายสัปดาห์นี้ได้ม้วนเสื้อแน่ๆ
พันธมิตรยังหวังอะไรสักอย่าง ให้คนชั้นกลางกรุงเทพฯ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย กลับมาเข้าร่วม…
แต่แล้ว โครงการริบบิ้นสีขาวแก้โลกร้อน เอ๊ย ลดความร้อนทางการเมือง ก็ถูกยิงออกมา จากผู้ที่เข้าใจใน “จริตษฤธฎก” ของคนกรุงเทพฯเป็นอย่างยิ่ง…
คือคนกรุงเทพฯ ที่ร้อยละ 90 เกลียดนายกฯ ร้อยละ 80 เกลียดรัฐบาลและระบอบทักษิณ แต่ก็ “เหลือทน” กับพันธมิตร 51 ด้วยหลายสาเหตุทีได้แสดงไว้แล้ว
คนกรุงเทพฯ กลุ่มนี้ จะให้เข้าข้างรัฐบาลก็ไม่ไหว แต่ก็ไม่เอาพันธมิตร เป็น “สองไม่เอา” ในความหมายแบบคนกรุงเทพฯ คือ “มึงทั้งคู่หยุดเสียทีเถิด รถมันติด กูจะดูบอล”…
เป็น “ทางลง” ที่สวยงามของคนกรุงเทพฯ ชั้นกลางในขณะนี้
เท่าที่ทราบ กระแส “ริบบิ้นขาว” ได้รับการตอบรับอย่างสูง จากกลุ่มเป้าหมายของฝ่ายพันธมิตร คนที่เกลียดรัฐบาล ชอบรัฐบาล หรือกระทั่งเกลียดระบอบทักษิณแบบกลางค่อนสูง (พวกเกลียดระดับสูงไปม๊อบกันหมดแล้ว) ต่าง “ซื้อ” ริบบิ้นนี้
เป็น “ทางลง” ที่ดูเท่มาก … – ไม่เอารัฐบาล – แต่ก็ไม่ต้องไปม๊อบ แค่ผูกริบบิ้นขาว
ก็แสดงว่า “ฉันนี่ห่วงใยบ้านเมืองแล้วนะ” โอ้ววว ษฤธฎกจริงๆ
นี่เองทำให้พันธมิตรรู้สึกว่า ปริญญาทำให้พันธมิตร 51 เจ๊ง เพราะดันไปหาทางลงให้คนกรุงเทพฯ กลุ่มเป้าหมายเสียแล้ว
ยิ่งคนกรุงฯ ตอบรับกระแสริบบิ้นขาวเท่าไร ก็เชื่อแน่ว่า คนกลุ่มผูกริบบิ้น ไม่มาเข้าร่วมพันธมิตร 51 แน่นอน
และ … บอลยูโรกำลังจะเตะอยู่รอมร่อแล้วครับ
สิ่งที่แกนนำต้องคิดเป็นการบ้านตอนนี้ คือ “ม้วนเสื่ออย่างไรให้ดูดี” …
จำไว้นะมึง ไอ้ริบบิ้นขาว !!!!!
and this is very touched.
คนกรุงเทพฯ ก็เป็นอย่างนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วมิใช่หรือครับ ? ไม่เห็นต้องสงสัยอย่างใด
คนกรุงเทพฯที่เคยเลือกพรรคพลังธรรม จนคุณสมัครได้ผู้แทน 1 คน เท่านั้นใน กทม. คือแกตัวเอง
คนกรุงเทพฯ กลุ่มเดียวกับ ที่เคยเลือกคุณสมัคร เป็นผู้ว่า (ตอนแรกพิมพ์ผิดเป็นนายก ) แบบถล่มทลาย
คนกรุงเทพฯ กลุ่มเดียวกับที่ยี้คุณสมัครในตอนนี้
คนกรุงเทพฯ ที่เคยเลือกไทยรักไทย จนประชาธิปัตย์เหลือสี่ที่นั่ง แล้วในเวลาไม่ถึงสองปี
ก็มาด่าคนต่างจังหวัดที่เลือกพลังประชาชนว่า “งี่เง่า โง่ เห็นแก่ได้ เงินซื้อได้”
คนกรุงเทพฯ ที่เคยผูกริบบิ้นเขียวกันทั้งเมือง เพื่อกดดันให้รัฐบาลชวลิต ”ต้อง” รับรัฐธรรมนูญ 40
เพื่อที่จะมาถ่ายรูป + มอบดอกไม้ ให้คณะรัฐประหาร ที่ล้มล้างรัฐธรรมนูญ 40
(และในตอนนี้ใครพูดเรื่องเอา รธน. 40 กลับมาใช้ใหม่เนี่ย คนกลุ่มนี้ก็จะทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้อมขี้…)
ขอโทษที ผมถึงใช้คำว่า “จริตษฤธฎก”
ใครบริหารกระแสคนกรุงเทพฯเก่งๆเนี่ย มีชัยไปเกินครึ่ง แต่ขอโทษ อย่าคิดว่า พวกเขาเคยเป็นพวกแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งต่อๆไปจะ “เรียก” เขาออกมาได้นะครับ
ทั้งทักษิณ ทั้งจำลอง ทั้งสนธิ คงจะเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าผม…