Absurd

I had planned to write about the absurd people at Rachadamnoen; But after read this I changed my mind.

He wrote down all in detail, better than mine. So if have (again) I will translate this to English.

หยุดเถอะ​ ​พันธมิตร​: ​ขบวนการ​ “​พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย​” ​กับ​ ​ตรรกะ​ “​อะ​ไรก็​ไม่​รู้​” ​ทางการเมือง

ประ​เทศไทย​ใน​ขณะนี้​ ​จะ​กล่าวว่ากำ​ลังเผชิญ​อยู่​กับ​ “​ความ​ยุ่งเหยิง​ ​หรือ​มั่วถั่ว​” ​ทางการเมือง​ ​ก็คง​จะ​ไม่​เป็น​การเกินเลยนัก​ ​ทั้ง​นี้​เหตุ​แห่ง​ความ​ยุ่งเหยิงนี้มา​จาก​ “​การชน​กัน​” ​ของกลุ่มผลประ​โยชน์ 2 ​กลุ่ม​ ​คือ​ “​พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย​ ​(​และ​พวก)” ​กับ​ “​รัฐบาล​ ​(​และ​ผู้​สนับสนุน)” ​แต่สิ่งที่ผมอยาก​จะ​นำ​เสนอ​ใน​ครั้งนี้ก็คือ​ “​ตรรกะ​แบบไร้ทิศทาง​ ​ไร้ระ​เบียบ​ ​ไร้​ความ​คิด​” (แต่​ไม่​ใช่​ไร้จุดยืน​ – ​คนกลุ่มนี้มีจุดยืนทางการเมือง​ ​และ​ผลประ​โยชน์ชัดเจนมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง​ใน​ประวัติศาสตร์​ไทย) ​ของฝ่ายพันธมิตรฯ

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย​ ​เป็น​ขบวนการเคลื่อนไหวที่มี​ความ​ต่อ​เนื่อง​ของ​ “​กระ​แสแห่งการเรียกร้อง​ (แบบผิดๆ​)” ​มาตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ​ 2 ​และ​ก็​ “​หยุดการเคลื่อนไหว​” ​ไประยะหนึ่ง​ใน​ช่วงที่ประ​เทศปกครอง​ด้วย​รัฐบาลที่มา​จาก​การรัฐประหาร​ ​ของพลเอกสุรยุทธ์​ ​และ​เริ่มทำ​การเคลื่อนไหวอีกครั้ง​ใน​ช่วงเวลา​เมื่อ​ไม่​นานมานี้​ ​ต่อ​เนื่อง​จน​ถึง​ตอนนี้​ ​ใน​สมัยรัฐบาลของนายสมัคร​ ​สุนทรเวช

การเคลื่อนไหวของขบวนการนี้​นั้น​สร้าง​ “​ผลกระทบ​” ​ต่างๆ​ ​ตามมามากมาย​ ​บางท่านกล่าว​กัน​ว่า​ ​การเกิดขึ้น​ ​และ​จุดประสงค์ของขบวนการนี้คือ​ “​การกระตุ้น​ให้​เกิดการรัฐประหาร​” ​ขึ้นเสีย​ด้วย​ซ้ำ​ไป​ ​แต่​เรื่องนี้​เอา​ไว้​ก่อน​ ​เพราะ​ตอนนี้ผม​ไม่​ได้​ตั้งเป้า​จะ​เปิดประ​เด็น​ส่วน​นั้น​ ​แต่ที่อยาก​จะ​ชี้​ให้​เห็นคือ​ “หลักตรรกะประหลาดๆ​ ​ของพันธมิตรฯ” ​ต่างหาก

ตรรกะหลักๆ​ ​ของพันธมิตรฯ​ ​ใน​ฐานะกลไกสำ​คัญ​ใน​การขับเคลื่อนองค์กรของตน​ ​(​ใน​ครั้งนี้) ​มี​ 4 ​ประ​เด็นหลักๆ​ (คือ​ 4 ​ประ​เด็นแรก​ ​ที่ผม​จะ​พูด​ถึง)​ ​และ​ประ​เด็นจิปาถะอีกมากมาย​ ​ซึ่ง​ผม​จะ​พยายามเอามา​เสวนา​ด้วย​เท่า​ที่​ความ​ขยัน​จะ​อำ​นวย

ประ​เด็นแรก​…​ข้อเรียกร้องอย่าง​ “​ผิดหลัก​” ​สุดขีด​: ​ขบวนการนี้มีชื่อ​ “​พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ​ครับ​ ​แต่หากเราลองศึกษาดูข้อเรียกร้องของขบวนการณ์กลุ่มนี้​แล้ว​เรา​จะ​พบ​ “​พฤติการณ์​” ​ที่​ “​ตรงข้าม​กับ​ชื่อ​” ​โดย​สิ้นเชิง​อยู่​มากมาย​ ​โดย​เฉพาะพฤติการณ์ที่​จะ​พูด​ถึง​เป็น​ประ​เด็นแรกนี้​ ​ซึ่ง​ต่อ​เนื่อง​มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ​ 2 ​แล้ว​ ​นั่นก็คือ​ ข้อเรียกร้อง​ใน​การขับไล่​ผู้​นำ (ที่มา​จาก​การเลือกตั้ง)

โดย​หลักการของระบอบประชาธิปไตย​ ​แบบรัฐสภา​ ​และ​หลักรัฐศาสตร์​โดย​ทั่ว​ไป​ ​ที่​เป็น​ที่ยอมรับ​กัน​ใน​สากลจักรวาล​แล้ว​ ​ผู้​นำ​ประ​เทศที่มา​จาก​การเลือกตั้งอย่างถูก​ต้อง​ตามกฏหมาย​นั้น​ “​ย่อมมีหน้าที่​ใน​การ​เข้า​รับตำ​แหน่งเพื่อทำ​หน้าที่บริหารงานประ​เทศ​” ​และการ​จะ​ถอดถอนคณะ​ผู้​บริหารประ​เทศ​ ​ที่มา​จาก​การเลือกตั้ง​ด้วย​เสียงคน​ส่วน​มาก​ ​ด้วย​ตัวประชาชน​นั้น​ “​จำ​เป็น​ต้อง​เป็น​ความ​ต้อง​การของประชาชน​ส่วน​ใหญ่​ใน​ประ​เทศ​ (Majority’s Will) ​เท่า​นั้น” ​แต่สิ่งที่พันธมิตรฯ​ ​เรียกร้อง​นั้น​คืออะ​ไร​?…​ข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ​ ​คือการบอก​ให้​รัฐบาลที่มา​จาก​ความ​ต้อง​การของคน​ส่วน​ใหญ่​ใน​ประ​เทศ​ ลง​จาก​ตำ​แหน่ง​ด้วย​ความ​ต้อง​การของคน​ส่วน​น้อย​ใน​ประ​เทศ ดัง​นั้น​สิ่งที่พันธมิตรฯ​ ​กำ​ลังทำ​อยู่​คือ​ “พันธมิตรประชาชน​ (กลุ่มหนึ่ง) ​เพื่อคณาธิปไตย” ​ครับ​ (คณาธิปไตย​ ​คือการปกครองที่มีคณะบุคคลกลุ่มหนึ่ง​เป็น​ใหญ่​เหนือประชาชนกลุ่ม​อื่นๆ​ ​ซึ่ง​เป็น​เสียง​ส่วน​ใหญ่​ของประ​เทศ​นั้นๆ​) ​โดย​มีตัว​ “​คณะพันธมิตรฯ​ ​เอง​” ​เป็น​ผู้​ก่อการ​ใช้​อำ​นาจ

พันธมิตรฯ​ ​ไม่​มีสิทธิ​ใน​การ​ “​โค่นล้ม​” ​หรือ​ประกาศกร้าวว่า​ “​หากรัฐบาล​ไม่​ยอมลง​จาก​ตำ​แหน่งอันมีอำ​นาจ​ใน​การบริหารประ​เทศ​ ​ตน​จะ​ไม่​ยอมถอย​” ​เช่นนี้​ ​สิ่งที่พันธมิตร​ ทำ​ได้ คือ​ การยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล ว่ากลุ่มของตนมี​ความ​เห็นอย่าง​นั้น​ ​อย่างนี้​ ​จึง​เห็นควรว่ารัฐบาล​ไม่​สมควร​จะ​อยู่​ใน​ตำ​แหน่งต่อไป​ ​ซึ่ง​ ​ณ​ ​จุดนี้พันธมิตรฯ​ ​ต้อง​มี​ความ​กล้าที่​จะ​ยอมรับการตัดสินใจของรัฐบาลต่อข้อเสนอของตน​ ​(​ซึ่ง​แน่นอนว่า​ “​เห็น​ได้​ชัดว่า​จะ​ตอบอย่างไร​”) ​เพราะการตัดสินใจของรัฐบาล​นั้น​ ​กระทำ​บนฐานเสียง​ ​ฐานอำ​นาจของเสียง​ส่วน​ใหญ่​ใน​ประ​เทศ​ ​ที่พันธมิตรฯ​ (หากรักประชาธิปไตยจริง) ​จัก​ต้อง​เคารพ ไม่​ว่าผล​จะ​ออกมา​เช่น​ใด​ ​หรือ​อีกสิ่งหนึ่งที่พันธมิตรฯ​ ​พึงกระทำ​ก็คือ​ “การทำ​ให้​เสียง​ส่วน​น้อยของตน​ ​กลายมา​เป็น​เสียง​ส่วน​ใหญ่​ของคน​ใน​ชาติอย่างแท้จริง” (ผม​ไม่​ได้​หมาย​ความ​ว่า​ ​ให้​ฆ่าล้างคนที่​เหลือ​ทั้ง​ประ​เทศนะ)

พันธมิตรฯ​ ​ต้อง​ชี้​ให้​เห็น​ให้​ได้​ว่า​ “​รัฐบาลทำ​หน้าที่​ (คือบริหารประ​เทศ) ​บกพร่องอย่างไร​ ​ผิดพลาดอย่างไร​…​ไม่​ใช่​เล่นประ​เด็นเบี้ยน้อย​ ​หอยน้อย​ ​อย่างกรณีการปาฐกถาของจักรภพ​ ​เพ็ญแข​ ​และ​หากคน​โดย​มากยอมรับจริงว่า​ “​รัฐบาลสมควรออก​” ​เมื่อ​นั้น​ ​จึง​จะ​กล่าว​ได้​ว่า​ “​การกระทำ​ของพันธมิตรมี​ความ​ชอบธรรม​”

ประ​เด็นที่สอง​…​ระบบสองมาตราฐานของการด่า​: ​พันธมิตรฯ​ ​นั้น​เป็น​ขบวนการ​ ​ที่มี​ความ​สามารถ​ใน​การด่าสูง​ ​คิดคำ​ด่า​ใหม่ๆ​ ​เก่ง​ ​แต่​ใน​ขณะ​เดียว​กัน​ก็​เป็น​ขบวนการที่​ “​ใบ้รับประทาน​” ​ไป​ด้วย​พร้อมๆ​ ​กัน​ ​กล่าวคือ​ ​หากเราสังเกตดูการ​ “​ด่าทอ​” ​ของขบวนการนี้​ ​ทั้ง​จาก​เวทีปราศัย​ ​หรือ​ผ่านสื่อ​ใน​เครือ​ผู้​จัดการ​ ​ซึ่ง​เป็น​กระบอกเสียงหลักของขบวนการ​ ​เรา​จะ​พบว่า​ ​คำ​ด่ามากมาย​ได้​เกิดขึ้น​ ​ทั้ง​การ​ใช้​คำ​ศัพท์ที่​ “​เหยียดหยามอย่างผิด​ ​(​หรือ​หมิ่นเหม่ว่า​จะ​ผิด) ​กฎหมาย​” ​เช่น​ ​เจ๊​เพ็ญ​, ​หรือ​ใน​กรณีของทักษิณ​นั้น​ ​มากจนพูด​ไม่​หมด​ (ฟักแม้ว​, ​ไอ้​เหลี่ยม​, ​ฯลฯ) ​นอก​จาก​นี้พันธมิตรฯ​ ​ก็พยายามตั้งข้อหามากมายขึ้นมา​ ​ซึ่ง​ผมก็​ไม่​ได้​ว่าอะ​ไรนะ

แต่ประ​เด็นมัน​อยู่​ที่ว่า​ “พันธมิตรฯ​ ​ด่า​ไม่​หมด​ ​ด่า​ไม่​ครบครับ” ​อยู่​ไหนครับ​ ​คำ​ด่าสำ​หรับประชาธิปัตย์​ ​กรณีคอรัปชั่น​ (สภอ​. 4-01, ​เศรษฐกิจล่มจนแทบ​ต้อง​ขายประ​เทศ​, ​ฯลฯ), ​อยู่​ไหนครับ​ ​คำ​ด่าสำ​หรับรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์​ ​และ​เหล่าทหาร​??? ​ธนาคารทหารไทยขาดทุนหลายหมื่นล้าน​ (เพียงธนาคารเดียว) ​ใน​ยุครัฐบาล​จาก​การรัฐประหารครับ​…​ไหนล่ะครับคำ​ด่า​??? ​งบลับนับครั้ง​ไม่​ถ้วน​…​ไหนล่ะครับคำ​ด่า​???…​เพิ่มงบทางการทหาร​เป็น​เท่า​ตัว​…​ไหนครับคำ​ด่า​, ​ไหนครับเวที​??? ​ไม่​มีครับ​ ​ผม​ไม่​ได้​ห้าม​ ​ไม่​ได้​ว่าที่ทำ​การด่า​ ​เพราะ​ผม​ไม่​มีอำ​นาจไปห้ามใครครับ​ แต่หาก​จะ​ด่า​ ​คุณ​ต้อง​ด่า​ให้​หมด​ ​ด่า​ให้​ครบถ้วน​ ​ไม่​ใช่​เลือกที่​จะ​ด่าคนที่ชัง​ ​แต่อุ้มชูคนที่รัก​ไว้​ครับ ไม่​เช่น​นั้น​คุณ​จะ​เอาหน้าที่​ไหนมาอ้างว่าตนเอง​ “​เป็น​นักประชาธิปไตย​”…​คุณ​สามารถ​ด่า​ ​หรือ​ตั้งข้อสังเกตทักษิณกรณีภาษี​ได้​ครับ​ แต่​ต้อง​ไม่​ลืมด่าคนที่​ “​ทั้ง​ชีวิต​” ​ไม่​เคยจ่ายภาษีสักแดงเดียว​ด้วย (​ทั้งๆ​ ​ที่รวยล้นฟ้า)

ผมสรุปประ​เด็นนี้ง่ายๆ​ ​ครับว่า​ ​พันธมิตรฯ​ ​นั้น​ใช้​ตรรกะนี้​ใน​การอุ้มชูขบวนการของตน​ ​ใช้​มัน​ใน​การสถาปนาสิ่งที่​เรียกว่า​ “กลุ่มผลประ​โยชน์​แห่ง​ความ​เกลียดชัง” (แทนที่​จะ​เป็น​ “​กลุ่มผลประ​โยชน์​แห่งเหตุ​และ​ผล​”) ​ครับ​ ​ด้วย​ตรรกะนี้​ ​พันธมิตร​จะ​ด่า​เฉพาะคนที่ตนเกลียด​ ​และ​กระตุ้น​ให้​เป้าหมายของตนเกลียดคนที่ตนเกลียดไป​ด้วย​ ​ใน​ใน​ขณะที่​ ​คนที่ตนรัก​ ​ก็​จะ​เลี่ยง​ไม่​พูด​ถึง​ ​หรือ​ประณีประนอม​ ​ถนอมน้ำ​ใจจน​ถึง​หยดสุดท้าย​…​แต่น่า​เหนื่อยใจแทนครับ​ ​(​และ​อายแทน​ด้วย) เพราะ​ประ​เด็นหนึ่งที่พันธมิตรฯ​ ​ใช้​เล่นงานรัฐบาลทักษิณ​ ​และ​สมัครก็คือ​ “​สองมาตราฐาน​ใน​การทำ​งาน​”…​ทำ​ให้​ผม​ไม่​แน่​ใจ​เท่า​ไหร่ว่าพันธมิตรเคยส่องกระจกบ้าง​หรือ
เปล่า

ประ​เด็นที่สาม​…​การเบี่ยงเบนข้อเรียกร้อง​: ​ข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ​ ​ใน​สมัยล่าสุด​นั้น​ “​ใน​เบื้องต้น​” ​มี​ ​สองประการหลักๆ​ ​คือ​ ​การ​ให้​รัฐบาลถอนญัตติ​แก้​ไขรัฐธรรมนูญ​ ​ฉบับ​ปี​ 2550 ​และ​อีกประการหนึ่งก็คือ​ ​การ​ให้​นายจักรภพ​ ​เพ็ญแข​ ​รัฐมนตรีประจำ​สำ​นักนายกรัฐมนตรีออก​จาก​ตำ​แหน่ง​ ​ด้วย​ “​ข้อกล่าวหา​” ​ว่า​ ​หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ​ (ผม​ใช้​ว่าข้อปรักปรำ​ ​เพราะ​ศาล​ยัง​ไม่​ได้​ตัดสิน​ ​จึง​ยัง​เป็น​เพียงคำ​ “​กล่าวหา​” ​อยู่)

จาก​ข้อเรียกร้องดังกล่าวที่กลุ่มพันธมิตรฯ​ ​ได้​ใช้​สิทธิยื่นข้อเสนอต่อทางรัฐบาล​นั้น​ ​เรา​จะ​พบว่า​ ​ทางรัฐบาลสมัคร​ ​ได้​ตอบสนอง​ใน​แบบที่กลุ่มพันธมิตรฯ​ ​ต้อง​การ​แล้ว​ทั้ง​ 2 ​กรณี​ ​คือ​ ​ถอนญัตติการแก้​ไขรัฐธรรมนูญออก​แล้ว​ ​และ​นายจักรภพ​ ​เพ็ญแข​ ​ก็ยินยอมลาออก​จาก​ตำ​แหน่งของตนเอง​แล้ว​ด้วย​เช่น​กัน​…​กระ​นั้น​ ​แม้ทางรัฐบาล​จะ​ “​ถอย​” ​ให้​ขนาดนี้​แล้ว​ ​กลุ่มพันธมิตรฯ​ ​ก็​ยัง​คง​ “​พยายาม​” ​หาทาง​ “​ที่​จะ​รั้งตัวเอง​ให้​ได้​อยู่​” ​ต่อไปอีก​ ​ผมขอเสนอประ​เด็นนี้​ ​เป็น​กรณีๆ​ ​ไป

สำ​หรับกรณี​แรก​ (ถอนญัตติ) ​ผู้​สนับสนุนพันธมิตรฯ​ ​มัก​จะ​อ้างว่า​ “​แม้รัฐบาล​จะ​ถอนญัตติ​ไป​แล้ว​ ​แต่กลุ่ม​ ​สส​. ​อีสาน​ใต้​ ​ก็พยายาม​จะ​เสนอยื่นญัตติดังกล่าว​เข้า​สภาอีก​อยู่​” ​ดัง​นั้น​จึง​ยัง​ต้อง​เรียกร้องต่อไป​ให้​ถึง​ที่สุด​ ​ฯลฯ​ ​ฯลฯ​…​บอกตรงๆ​ ​ว่าการกล่าว​ใน​ลักษณะนี้​ ​เป็น​การพูดที่​ “​เห็นแก่​ได้​ ​และ​ไม่​เป็น​ประชาธิปไตยอย่างที่สุด​” ​ครับ​ (นอก​จาก​นี้​ ​กรณีนี้​ยัง​ช่วย​ตอกย้ำ​ข้อเท็จจริงที่ผมกล่าว​ไว้​ ​ใน​ 2 ​ประ​เด็นแรกอย่างชัดเจน​ด้วย)​ ​เพราะ​พันธมิตร​ ​ก็​ได้​ใช้​สิทธิ​ใน​ส่วน​ของพันธมิตร​ใน​การเรียกร้อง​ส่วน​นี้​ไป​ ​ไม่​ว่าอะ​ไร​กัน​ ​และ​ทางรัฐบาลเอง​ ​ก็​ได้​ใช้​สิทธิตามอำ​นาจหน้าที่​ ​ตัดสินใจ​ “​ถแย​” ​โดย​การทำ​ตามข้อเรียกร้องของพันธมิตร

แล้ว​ทีนี้​ ​พอ​จะ​มีคนกลุ่ม​อื่น​ (สส​. ​อีสาน​ใต้)​ ​ขอ​ใช้​สิทธิบ้าง​ ​ใน​การบอกว่า​ “​พวกผม​ไม่​เห็น​ด้วย​กับ​การถอนญัตติ​”…​ทำ​ไม​จะ​ทำ​ไม่​ได้​ครับ​??? ​หรือ​พันธมิตร​จะ​บอกว่า​ ​มี​เฉพาะพันธมิตรฯ​ ​เท่า​นั้น​ที่​ “​สามารถ​ใช้​สิทธิ​ได้​ ​ผู้​อื่น​ห้าม​ใช้​”

สำ​หรับกรณีที่สอง​ (กรณีจักรภพ) ​กรณีจักรภพนี้​ ​พันธมิตรฯ​ ​เรียกร้อง​ให้​จักรภพ​ ​ลาออก​จาก​ตำ​แหน่ง​ ​ซึ่ง​สุดท้าย​แล้ว​จักรภพก็​ “​ลาออก​” ​ตามที่พันธมิตรฯ​ ​ต้อง​การ​แล้ว​ ​แต่พันธมิตรก็​ยัง​คงลงหลักปักฐาน​ “​หา​เรื่อง​” ​ที่​จะ​อยู่​ต่อ​ ​ด้วย​การอ้างว่า​ “​จักรภพ​ ​ไม่​ได้​สำ​นึกผิด​”…​ก็​แล้ว​จะ​ให้​จักรภพ​ ​สำ​นึกผิด​ได้​อย่างไร​ ​ใน​เมื่อจักรภพเชื่อว่า​ ​สิ่งที่​เค้าทำ​นั้น​ “​ไม่​ได้​หมิ่น​” ​แต่พันธมิตรฯ​ ​เองต่างหากที่​ไปสร้างข้อสรุปเอา​เอง​ให้​จักรภพ​”

จาก​กรณี​ทั้ง​สอง​นั้น​ ​นอก​จาก​จะ​ทำ​ให้​พันธมิตรฯ​ ​ลงหลักปักฐานต่อไป​แล้ว​ ​ยัง​ขยายขอบเขต​ ​และ​เลี่ยงเบนข้อเรียกร้อง​ ​เป็น​ว่า​ ​หากรัฐบาลสมัคร​ ​ไม่​ยอมออก​จาก​ตำ​แหน่ง​ ​ก็​จะ​ไม่​ยอมเลิก​ ​(​ซึ่ง​ก่อปัญหา​ ​ตามประ​เด็นที่​ 1 ​ที่​เสนอไป​แล้ว)

ประ​เด็นที่สี่​…​สโลแกน​ ​รัฐธรรมนูญไร้สติ​: ​ใน​การชุมนุมของพันธมิตรฯ​ ​ใน​ครานี้​นั้น​ ​มีการพูดออกมามากมายว่า​ “​ต่อต้านการแก้​ไขรัฐธรรมนูญ​ ​แก้​เพื่อฟอกใคร​???” (ประมาณนี้) ​การพูด​ใน​ลักษณะนี้ของพันธมิตร​ ​และ​ผู้​สนับสนุน​ ​เป็น​การพูด​ใน​ลักษณะที่​ “​ไม่​ได้​ใช้​การไตร่ตรอง​ให้​ดีก่อน​”…​ผม​ไม่​เถียงพันธมิตรฯ​ ​ล่ะว่าการแก้​ไขรัฐธรรมนูญ​ 2550 ​นั้น​มีนัยยะทางการเมือง​อยู่​อย่างที่พันธมิตรฯ​ ​ว่ามา​ ​แต่​ต้อง​ถามก่อนว่า​ “​แล้ว​รัฐธรรมนูญ​ 2550 ​มันเขียนมา​เพื่อใคร​???” (ผมเคยเขียน​ถึง​กรณีนี้​แล้ว​ ​ใน​ ​เว็บบอร์ดเก่าของฟ้า​เดียว​กัน​ – ​ซึ่ง​ตอนนี้ผม​เข้า​ไม่​ได้​แล้ว​…​หาก​ต้อง​การ​จะ​นำ​มา​แปะ​ไว้​ให้​ )

นอก​จาก​นี้​ต้อง​ด้วย​ว่า​ ​ทำ​ไมรัฐบาล​จึง​ไม่​มีสิทธิทำ​การประชามติ​กับ​รัฐธรรมนูญ​ฉบับ​นี้อีกครั้ง​ ​พันธมิตรฯ​ ​ลืม​แล้ว​หรือ​ว่านี่คือรัฐธรรมนูญที่​ “​ยาวที่สุด​ใน​โลก​ ​แต่​ให้​เวลาคนศึกษา​ ​(​ทั้ง​ฉบับ)​ ​น้อยที่สุด​ใน​โลก​”, ​พันธมิตรฯ​ ​ลืม​แล้ว​หรือ​ไรว่า​ ​การโปรโมตของรัฐบาลสุรยุทธ​ ​ตอน​นั้น​ “​เข้า​ข้าง​” ​การ​ให้​รับร่างรัฐธรรมนูญ​ ​มากเพียง​ใด​??? (กรุณานึก​ถึง​ ​ป้ายไฟเขียว​ทั่ว​กรุงเทพฯ​, ​ฯลฯ), ​พันธมิตรฯ​ ​ลืมไป​แล้ว​หรือ​ว่านี่คือรัฐธรรมนูญ​ ​อัน​เป็น​กฎหมายสูงสุดของคน​ใน​ชาติ​ ​นั้น​ผ่านการประชามติมา​ด้วย​ “​จำ​นวนคนที่​ไม่​ต้อง​การมากเพียง​ใด​” (ประ​เทศที่​เจริญ​แล้ว​ ​โดย​มากเค้า​จะ​ใช้​เสียงว่า​ “​รับ​” ​รัฐธรรมนูญ​ ​ถึง​ 2/3 ​หรือ​ 3/4 ​เลย​ด้วย​ซ้ำ​ ​การประชามติรัฐธรรมนูญ​จึง​จะ​ผ่าน)

เช่นนี้​แล้ว​ เหตุ​ใด​การทำ​ประชามติ​ ​ขอแก้​ไขรัฐธรรมนูญ​จึง​ทำ​ไม่​ได้​???

(ตอนนี้ขี้​เกียจ​แล้ว​ ​ประ​เด็นจิปาถะ​ ​จะ​ต่อทีหลังนะครับ​…​อีกนัยหนึ่งคือ​ “บท​ความ​นี้​ยัง​ไม่​สมบูรณ์​” ​ครับ)

ด้วย​ความ​เคารพ

Sorry to end up like this, but since after coup; I never respect any people who join that absurd protest; or any whom agreed on that, at all.

PS. about the white shirt group, or orange group, I know that you all just the people that anti-Thaksin before, but know how absurd of the protest. So try to make yourself look better. But sorry you are still absurd, and look silly; nothing change

Comments are closed.